วันเสาร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2561

ครั้งที่ 2
วันที่ 24 มกราคม 25561




บรรยากาศในห้องเรียน
วันนี้อาจารย์สอนเกี่ยวกับ การบริหารจัดการสถานศึกษาระดับปฐมวัย
ความหมายและความสำคัญ ( Education Administration )
การบริหารการศึกษา แยกออกเป็น 2 คำ คือ การบริหาร และ การศึกษา ความหมายของ “การบริหาร” มีผู้ให้ความหมายไว้หลากหลาย ทั้งคล้ายๆกันและแตกต่างกัน คือ การบริหาร คือ ศิลปะของการทำงานให้สำเร็จโดยใช้บุคคลอื่น      การบริหาร คือ การทำงานของคณะบุคคล ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ที่ร่วมกันปฏิบัติการให้บรรลุเป้าหมายร่วมกัน  การบริหาร คือ การที่บุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปร่วมกันทำงาน เพื่อจุดประสงค์อย่างเดียวกันจากความหมายของ “การบริหาร” พอสรุปได้ว่า “การดำเนินงานของกลุ่มบุคคลเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ที่วางไว้ส่วนความหมายของ “การศึกษา” มีผู้ให้ความหมายไว้คล้ายๆกัน ดังนี้
* การศึกษา คือ ความเจริญงอกงาม ทั้งร่างกาย อารมณ์ สังคมและสติปัญญา
* การศึกษา คือ การสร้างเสริมประสบการณ์ให้ชีวิต
* การศึกษา คือ เครื่องมือที่ทำให้เกิดความเจริญงอกงามทุกทางในตัวบุคคล
*จากความหมายของ “การศึกษา” ข้างบนนี้พอสรุปได้ว่า “การพัฒนาคนให้มีคุณภาพ ทั้งความรู้ ความคิด ความสามารถ และความเป็นคนดี
เมื่อนำความหมายของ “การบริหาร” มารวมกับความหมายของ “การศึกษา” ก็จะได้ความหมายของ 

การบริหารการศึกษา”    ว่า 
“การดำเนินงานของกลุ่มบุคคล เพื่อพัฒนาคนให้มีคุณภาพ ทั้งความรู้ ความคิด ความสามารถ และความเป็นคนดี”


ความหมายของการบริหารสถานศึกษา
วีรชัย  วรรณศรี (2545) การบริหารสถานศึกษา หมายถึง กระบวนการต่างๆ ในการดำเนินงานของกลุ่มบุคคล เพื่อให้บริการทางการศึกษาแก่สมาชิกในสังคมให้บรรลุตามจุดมุ่งหมายที่กำหนดไว้
วิโรจน์  สารัตนะ (2546) กล่าวว่า การการบริหารเป็นกระบวนการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุจุดหมายขององค์กร โดยอาศัยหน้าที่ทางการบริหารที่สำคัญประกอบด้วย
 การวางแผน (Planning) 
การจัดองค์กร (Organizing) 
การนำ (Leading) 
การควบคุม(Controlling)
เฉลิมชัย  สมท่า (2547)  กล่าวว่าการบริหารโรงเรียนเป็นกิจกรรมทางการศึกษาที่จะต้องทำอย่างเป็นระบบเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
  • สรุปได้ว่า การบริหารสถานศึกษา หมายถึง ผู้ที่ทำหน้าที่หัวหน้าหรือผู้นำดำเนินงานเพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายขององค์กร โดยใช้กระบวนการบริหารกลุ่มบุคคล กระบวนการต่างๆ ในการดำเนินงานของกลุ่มบุคคลให้เปลี่ยนวิธีคิด วิธีทำใหม่ เป็นผู้นำทางความคิด การแก้ปัญหา การตัดสินใจ การสร้างแรงจูงใจและจัดสรรการใช้ทรัพยากรต่างๆ ให้เป็นกลุ่มงานที่สัมพันธ์กันอย่างดี มีกลังคนที่มีความสามารถพร้อมสร้างบุคลากรให้ทำงานได้อย่างถูกต้องเพื่อให้บุคลากรร่วมมือกันพัฒนาคุณภาพของงานภายในสถานศึกษาและให้บริการทางการศึกษาแก่สมาชิกของสังคม


  ความสำคัญของการบริหารสถานศึกษา
ว่า การบริหารสถานศึกษาหรือการบริหารองค์กร  สิ่งที่ต้องตระหนักหรือให้ความสำคัญ คือการบริหารงานบุคคล เพราะบุคคลเป็นทรัพยากรที่มีค่าในองค์กร ที่สามารถพัฒนาศักยภาพได้ไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งจะทำให้องค์กรสามารถดำเนินกิจการต่างๆ ให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้ ช่วยให้บุคคลที่ปฏิบัติงานในองค์กรมีขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน เกิดความจงรักภักดีต่อองค์กรที่ปฏิบัติงาน เสริมสร้างความมั่นคงแก่สังคมและประเทศชาติ นั้นหมายถึงผู้บริหารจะต้องมีความรู้เรื่องการบริหารเป็นอย่างดี


หลักการ แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการบริหารสถานศึกษา
หลักการบริหารงานบุคคล
สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ (2545)  ให้แนวคิดในการบริหารและการจัดการที่ดี เพื่อมาปรับใช้ในบริบทขององค์กรทางการศึกษา ในประเด็กดังนี้
1. การกำหนดจุดหมาย ผลที่คาดหวัง หรือภาพความสำเร็จของการบริหารและการจัดการที่ดี (Goal / Expected / Output) 
2. กระบวนการบริหารและการจัดการที่ดี (Process)
3. ทรัพยากรในการบริหารจัดการที่ดี (Input / Resource)
4. ระบบควบคุม (Feedback / Control System)
5. ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการบริหารและการจัดการที่

ขอบข่ายของการบริหาร
กระทรวงศึกษาธิการ (2546) ได้กำหนดขอบข่ายภาระงานในการบริหารงานบุคคลไว้ประกอบด้วย 5 งาน ได้แก่
1. การวางแผนอัตรากำลังและการกำหนดตำแหน่ง
2. การสรรหาและการบรรจุแต่งตั้ง
3. การเสริมสร้างประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ
4. วินัยและการรักษาวินัย
5. การออกจากราชการ

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (2545) ได้กำหนดขอบข่ายการบริหารงานบุคคลไว้ประกอบด้วย 6 งาน ได้แก่
1. การวางแผนกำลังคน
2. การสรรหา
3. การบรรจุแต่งตั้ง
4. การพัฒนา
5. การธำรงรักษา
6. การให้พ้นจากงาน

สรุปได้ว่า ขอบข่ายของการปฏิบัติงานของสถานศึกษาในการบริหารงานบุคคลนั้นมีภาระงานที่สำคัญๆ ที่สถานศึกษาควรปฏิบัติ ประกอบด้วย 
1. การวางแผนอัตรากำลังและกำหนดตำแหน่ง โดยมีการวิเคราะห์ภารกิจและประเมินสภาพความต้องการกำลังคน กับภารกิจของสถานศึกษาก่อนมีการมอบหมายหน้าที่ให้ปฏิบัติงาน
2. การสรรหาและบรรจุแต่งตั้ง โดยมีการดำเนินการสอบแข่งขัน สอบคัดเลือกและคัดเลือกในกรณีจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษในตำแหน่งครูผู้ช่วย ครูและบุคลากรทางการศึกษาอื่นในสถานศึกษา



พัฒนาการของทฤษฏีทางการบริหาร


ทัศนะดั้งเดิม (Classical viewpoint)
- การบริหารเชิงวิทยาศาสตร์ 
 - การจัดการเชิงบริหาร
 - การบริหารแบบราชการ


 การบริหารเชิงวิทยาศาสตร์ (Scientific management)
       Frederick. W. Taylor (เทเลอร์) บิดาแห่งการบริหารเชิงวิทยาศาสตร์ ได้เสนอ หลัก 4 ประการ
1. ใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์ มีการแยกวิเคราะห์งาน
2. มีการวางแผนการทำงาน
3. คัดเลือกคนทำงาน
4. ใช้หลักการแบ่งงานกันทำระหว่างฝ่ายบริหารกับฝ่ายปฏิบัติ

ทฤษฏีการจัดการเชิงบริหาร (Administration management)
Henry Fayol : หลักการบริหาร 14 หลักการ และขั้นตอนการบริการ POCCC
 Chester Barnard : ทฤษฏีการยอมรับอำนาจหน้าที่
 Luther Gulick : ใช้หลักการของ Fayol 
    โดยใช้คำย่อว่า POSDCoRB ซึ่งเป็นหน้าที่ 7 ประการ

ทฤษฏีการบริหารแบบราชการ (Bureaucratic management)    
 Max Weber พัฒนาหลักการจัดการแบบราชการ
1. มีกฎระเบียบข้อบังคับเพื่อควบคุมการตัดสินใจ
2. ความไม่เป็นส่วนตัว
3. แบ่งงานกันทำตามความถนัด ความชำนาญเฉพาะทาง
4. มีโครงสร้างการบังคับบัญชา
5. ความเป็นอาชีพที่มั่นคง
6. มีอำนาจหน้าที่ในการตัดสินใจ โดยมีกฎระเบียบรองรับ
7. ความเป็นเหตุเป็นผล


ความเหมือน
1. ด้านโครงสร้าง เน้นการแบ่งงานกันทำ การมีสายการบังคับบัญชา กำหนดหน้าที่ของการบริหาร เน้นหลักการ
2. ด้านผู้ปฏิบัติ เหมือนเครื่องจักร เน้นสิ่งจูงใจด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงในงาน ความต้องปรับตัวเข้ากับงาน
3. ด้านผู้นำ ให้ความสำคัญกับบทบาทผู้นำ เอกภาพ ระบบคุณธรรม เป้าหมายองค์กรสำคัญกว่าบุคคล
4. ด้านการตัดสินใจ เน้นความเป็นเหตุผล ประสิทธิภาพ กำไร


     ความต่าง
Taylor : กำหนดวิธีการทำงานที่ดีที่สุด The one best way
Fayol   : เน้นหลักการ 14 หลักการ
Weber   : เน้นระเบียบข้อบังคับ มีเกณฑ์ประเมินผล

ทัศนะเชิงพฤติกรรม (Behavioral viewpoint)
-  ทฤษฏีพฤติกรรมระยะเริ่มแรก
 - การศึกษาที่ฮอว์ธอร์น
-  ความเคลื่อนไหวเชิงมนุษยสัมพันธ์
-  หลักพฤติกรรมศาสตร์

 ทฤษฏีพฤติกรรมระยะเริ่มแรก (Early behavioral theories)
Hugo Munsterberg บิดาแห่งจิตวิทยาอุตสาหกรรม  ใช้หลักจิตวิทยาในการจำแนกคนงานให้เหมาะสมกับงาน
 Mary Parker Follett นักปรัชญาแห่งเสรีภาพของบุคคล เน้นสภาพแวดล้อมในการทำงานและการมีส่วนร่วม

 การศึกษาที่ฮอว์ธอร์น (Hawthorne studies)
การทดลองของบริษัท เวสเทิร์น อิเล็กทริก ที่เมืองฮอว์ธร์น เพื่อศึกษาเกี่ยวกับผลของแสงไฟต่อประสิทธิภาพในการทำงานในช่วงท้ายของการทดลอง Elton Mayo ร่วมทำการทดลอง 
สรุปข้อค้นพบว่า
- เงินไม่ใช้สิ่งจูงใจสำคัญเพียงอย่างเดียว
- กลุ่มไม่เป็นทางการมีอิทธิพลต่อองค์การ

 การเคลื่อนไหวเชิงมนุษยสัมพันธ์ (Human relation movement)
ทฤษฏี X และทฤษฏี Y
- เป็นสมมติฐานเกี่ยวกับทัศนะเกี่ยวกับผู้บริหารที่มีต่อคนงาน
 - ทัศนะของผู้บริหารจะส่งผลต่อพฤติกรรมการบริหารงานของเขาด้วย
-  เขาเห็นว่า องค์การแบบเดิม (รวมศูนย์ สื่อสารบนลงล่าง) ไม่ช่วยให้เกิดผลผลิต แต่สะท้อนธรรมชาติ- -- ของมนุษย์ เรียกว่าทฤษฏี X
-  ทฤษฏี X มองว่าคนไม่ชอบทำงาน เลี่ยงความรับผิดชอบ
-  ไม่ทะเยอทะยาน ชอบให้สั่งการ ต้องใช้เงินจูงใจ ต้องควบคุมมาก
 - ทฤษฏี Y มองว่า คนจะให้ความร่วมมือถ้าพอใจในสภาวะการทำงาน
-  คนขยันไว้ใจได้ ควบคุมตนเองได้ มีความคิดริเริ่มในการทำงาน ถ้าได้รับการจูงใจที่ถูกต้องจากเพื่อนร่วมงาน
-  คนจะพัฒนาตนเองอยู่เสมอ

 ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหาร (management Information System )
สารสนเทศบริหารศาสตร์ MIS เน้นการนำเอาระบบข้อมูลสารสนเทศโดยอาศัยเครื่องคอมพิวเตอร์มาใช้ในการบริหาร (Computer based information system : CBISs) 

ทัศนะร่วมสมัย (Contemporary viewpoint)
- ทฤษฏีเชิงระบบ       
- ทฤษฏีการบริหารตามสถานการณ์            
- ทัศนะที่เกิดขึ้นใหม่

 ทฤษฏีเชิงระบบ (System theory) 
แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ ระบบปิด กับ ระบบเปิด

 ทฤษฏีการบริหารตามสถานการณ์ (Contingency theory)
หลักการบริหารงานที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับสถานการณ์หนึ่งๆ เท่านั้น
 ในสถานการณ์ที่ต่างไป ผู้บริหารอาจกำหนดหลักการจากการวิเคราะห์ลักษณะเฉพาะของแต่ละสถานการณ์เพื่อกำหนดแนวทางให้เหมาะสมกับโครงสร้าง เป้าหมายและผู้ปฏิบัติงานในองค์การ

ทัศนะที่เกิดขึ้นใหม่
ทฤษฏี Z  ทฤษฏีการบริหารแบบญี่ปุ่น โดย William Ouchi
 โดยรวมหลักการบริหารแบบอเมริกันรวมกับแบบญี่ปุ่นมีหลักการสำคัญคือ ความมั่นคงในงาน การมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ รับผิดชอบปัจเจกบุคคล เลื่อนตำแหน่งช้า ควบคุมไม่เป็นทางการ แต่วัดผลเป็นทางการ สนใจภาพรวมและครอบครัว




การประยุกต์ใช้
ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการบริหารสถานศึกษาระดับปฐมวัยในรูปแบบต่างๆ ทั้งในระบบ นอกระบบ หรือ องค์กร สิ่งที่สำคัยที่สุดในการบริหาร คือการบริหารบุคคล

การประเมิน
ประเมินเพื่อน
เพื่อนส่วนใหญ่เข้าเรียนตรงเวลา แต่งกายเรียบร้อย

ประเมินตนเอง
เข้าเรียนตรงเวลา แต่งกายเรียบร้อย มีส่วร่วมในการแสดงความคิดเห็นตั้งใจฟังที่อาจารย์สอน

ประเมินอาจารย์
เข้าสอนตรงเวลา แต่งงานดูดีเรียบร้อย มีการเตรียมการเรียนการสอน และอธิบายได้อย่างละเอียด


























วันพฤหัสบดีที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2561

ครั้งที่ 1
วันที่ 17 มกราคม 2561





บรรยากาศในห้องเรียน
 วันนี้เป็นวันแรกของการเรียนการสอน วิชา การบริหารจัดการสถานศึกษาระดับปฐมวัย 
School Administration in Early Childhood ครูจึงอธิบายรายละเอียดต่างๆให้นักศึกษามีความเข้าใจเกี่ยวกับรายวิชา

คำอธิบายรายวิชา

          ความหมาย ความสำคัญ แนวคิด หลักการ และทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการสถานศึกษา ประเภทของสถานศึกษาปฐมวัย บทบาท หน้าที่ของผู้บริหาร รูปแบบการบริหารสถานศึกษาปฐมวัย การจัดโครงสร้างขององค์การ  การจัดระบบงานบริหาร บุคลิกภาพคุณลักษณะและสมรรถนะของผู้บริหาร การดำเนินการจัดตั้งสถานรับเลี้ยงเด็ก ศูนย์พัฒนาเด็กและสถานศึกษาปฐมวัย การนิเทศและติดตามผลการปฏิบัติงานของบุคลากร การทำงานร่วมกับผู้ปกครอง ท้องถิ่นและชุมชน  และการรณรงค์เพื่อการส่งเสริมการจัดการศึกษาปฐมวัย

ผลลัพธ์การเรียนรู้ 
หลังจากการศึกษารายวิชานี้แล้ว ผู้เรียนมีพฤติกรรมดังนี้
1. ด้านคุณธรรม จริยธรรม
 - มีความซื่อสัตย์ สุจริต และเสียสละ
 - มีวินัย ตรงต่อเวลา และมีความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม
 - เคารพสิทธิ และรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
 - เคารพกฎระเบียบ และข้อบังคับต่าง ๆ ของสาขาวิชา คณะฯ และมหาวิทยาลัย
 - มีสัมมาคารวะให้ความเคารพต่อครู อาจารย์ และผู้อาวุโส

2.  ด้านความรู้
 - เพื่อให้นักศึกษาอธิบายความหมาย ความสำคัญ แนวคิด หลักการ และทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
 - เพื่อให้นักศึกษาวิเคราะห์ประเภทของสถานศึกษาปฐมวัย บทบาท หน้าที่ของผู้บริหารได้
 - เพื่อให้นักศึกษาวิเคราะห์รูปแบบการบริหารสถานศึกษาปฐมวัย 
 - เพื่อให้นักศึกษามีบุคลิกภาพคุณลักษณะและสมรรถนะของผู้บริหาร
 - เพื่อให้นักศึกษาอธิบายวิธีการการดำเนินการจัดตั้งสถานรับเลี้ยงเด็ก ศูนย์พัฒนาเด็กและสถานศึกษาปฐมวัยได้
- เพื่อให้นักศึกษาสามารถนิเทศและติดตามผลการปฏิบัติงานของบุคลากร การทำงานร่วมกับผู้ปกครอง ท้องถิ่นและชุมชน และการรณรงค์เพื่อการส่งเสริมการจัดการศึกษาปฐมวัยได้

3.  ด้านทักษะทางปัญญา
 - สามารถคิดอย่างมีวิจารณญาณ คิดแก้ปัญหา คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์ คิดอย่างเป็นระบบ
 - สามารถสืบค้น ตีความ ประเมินปัญหาสร้างองค์ความรู้ใหม่เกี่ยวกับเทคนิค วิธีการการจัดโครงสร้างขององค์การ  การจัดระบบงานบริหาร
 สามารถวิเคราะห์ปัญหา สรุปปัญหา ความต้องการเพื่อนำไปใช้พัฒนาตนเอง
 - สามารถประยุกต์ความรู้นำไปใช้ในการเขียนแผนการจัดประสบการณ์แบบบูรณาการกับการนิเทศและติดตามผลการปฏิบัติงานของบุคลากร การทำงานร่วมกับผู้ปกครองท้องถิ่นและชุมชน

4.  ด้านทักษะความสามารถระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ
-  สามารถใช้ภาษาไทยในการสื่อสาร การนำเสนอได้ถูกต้องเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
- สามารถให้ความช่วยเหลือ ร่วมมือในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ทั้งบทบาทการเป็นผู้นำและผู้ร่วมงาน และมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับเด็กปฐมวัย พ่อแม่ผู้ปกครอง
-  สามารถเป็นผู้ริเริ่มประเด็นปัญหา และหารือแนวทางแก้ไขสถานการณ์ต่างๆทั้งของตนเองและกลุ่ม
-  มีความรับผิดชอบการพัฒนาการเรียนรู้ของตนในวิชาชีพครูปฐมวัยอย่างต่อเนื่อง

5. ด้านทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
-  มีทักษะการใช้เครื่องมือที่จำเป็นในปัจจุบันเพื่อการศึกษาค้นคว้า และเรียนรู้ประสบการณ์ในการเรียนวิชาการบริหารจัดการสถานศึกษาระดับปฐมวัย
-  สามารถสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพทั้งด้านการฟัง การพูด การอ่าน การเขียน พร้อมทั้งเลือกใช้รูปแบบของสื่อมานำเสนอได้อย่างเหมาะสม
-  สามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการสืบค้น การนำเสนออย่างมีประสิทธิภาพ



ประเภทสถานศึกษา

- หน้าที่ของผู้บริหาร
- รูปแบบการบริหาร
- การจัดโครงสร้างองค์กร
- การจัดระบบบริหาร
- บุคลิกภาพและสมถนะ
- การดำเนินการจัดตั้งสถานศึกษา
- ศูนย์พัฒนาเด็ก
- การนิเทศและติดตามผล
- ปฎิบัติงานบุคลากรการทำงานร่วมกัน
- การรณรงค์เพื่อส่งเสริมการจัดการศึกษา



 
 พออาจารย์บอกรายละเอียดวิชาเสร็จแล้ว ก็มีการมอบหมายงาน ชี้แจงงานในอาทิตย์ต่างๆให้ มีทั้งงานกลุ่ม งานเดียว อาทิ เช่น
งานเดี่ยว/งานกลุ่ม
- บล็อกในการบันทึกในแต่ละครั้งของการเรียน
-โมเดลโรงเรียน
- สัมภาษณ์ผู้บริหารสถานศึกษา
- คำคมผู้บริหาร

หลังจากมอบหมายงานเสร็จแล้วอาจารย์ก็ให้ทำ แบบทดสอบก่อนเรียน Per-test



การประยุกต์ใช้
ได้รู้เกี่ยวกับรายละเอียดของวิชาที่จะเรียนในเทอมนี้ ในเรื่องเกี่ยวกับ บทบาท การบริหารสถานศึกษา รวมถึงวิธีการ ทฤษฎีต่าง และความสำคัญของการบริหารสถาศึกษาและรู้เกี่ยวกับงานที่ได้รับมอบหมายต่างๆ เพื่อเตรียมตัวในการเรียน

การประเมิน
ประเมินเพื่อน
เพ่อนส่วนใหญ่มาเรียนตรงเวลา แต่งการเรียบร้อย และตั้งใจฟังอาจารย์อธิบายถึงงานรวมไปถึงรายละเอียดรายวิชา
ประเมินตนเอง
เข้าเรียนตรงเวลา เเต่งการเรียนร้อย จดบันทึกรายละเอียดต่างๆเสมอ
ประเมินอาจารย์
เข้าสอนตรงเวลา แต่งการดูดีสมกับเป็นผู้บริหารสถานศึกษา เตรียมพร้อมในการสอน และอธิบายรายละเอียดของวิชาได้ชัดเจน รวมถึงการมอบหมายงาน